คือการทำให้ อากาศสะอาดที่อยู่ภายในห้องหรือบ้านมีแรงดันมากกว่าอากาศด้านนอก พูดง่าย ๆ คือ “อัด” อากาศดีเข้าไปในพื้นที่ให้มากพอ จนฝุ่นและมลพิษจากข้างนอกไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ตามรอยรั่วของบ้าน ให้ลองนึกภาพง่ายๆ โดยนำขวดน้ำมาเจาะรูเล็กๆ แล้วเป่าลมเข้าทางฝาขวด จะทำให้อากาศในขวดมีแรงดันสูงขึ้น และจะมีลมพุ่งผ่านออกมาจากรูที่เจาะไว้ ซึ่งบ้านที่มีระบบอากาศแรงดันบวกก็ทำงานคล้ายๆ กัน คือมีการเติมอากาศสะอาดเข้ามาเรื่อยๆ จนในบ้านมีแรงดันที่สูงกว่าอากาศข้างนอก ดังนั้นฝุ่น, กลิ่น, ควัน หรือแม้กระทั่งเชื้อโรคจากภายนอก จะไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้

เครื่องฟอกอากาศทั่วไป = ทำให้ห้องสะอาดขึ้น แต่ฝุ่นจากข้างนอกสามารถเล็ดรอดเข้าได้อยู่ดี → ดูดเอาอากาศ “ภายในห้อง” เข้ามาผ่านแผ่นกรอง แล้วปล่อยอากาศที่สะอาดออกมาอีกที → เป็นการ วนลมเดิม ๆ ในห้องไปเรื่อย ๆ (Recirculation) → ถ้ามีฝุ่นหรือมลพิษเล็ดรอดเข้ามาใหม่ เครื่องก็ต้องคอยกรองซ้ำ → ไม่ช่วยเติมออกซิเจน และลดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์ ระบบอากาศแรงดันบวก (Positive Pressure) = สร้างเกราะอากาศสะอาดกันไม่ให้ฝุ่นข้างนอกเข้ามาแต่แรก → เติม “อากาศสะอาดใหม่จากภายนอก” เข้ามาอย่างต่อเนื่อง → ทำให้แรงดันในห้องสูงกว่าด้านนอก → ผลคืออากาศภายนอกที่สกปรก ไม่สามารถไหลย้อนเข้ามาได้ → เติมออกซิเจน และลดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์

ทั้งสองรุ่นแตกต่างกันที่ระบบการกรองอากาศภายในเครื่อง และระยะเวลารับประกัน เครื่องฟอกอากาศแรงดันบวก G-Life รุ่น FreshO เป็นผลิตภัณฑ์รุ่นท๊อปที่มีประสิทธิภาพการกรองอากาศสูงกว่า ด้วยระบบการกรองและฆ่าเชื้อโรค 6 ขั้นตอน พร้อมไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูง 2 ชั้น ที่สามารถดักจับกลิ่น ควันไอเสียรถยนต์ และไอละเหยของสารเคมีได้ และไส้กรอง ULPA Filter ที่สามารถกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.1 um ให้อากาศสะอาดเกรดเดียวกับห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล รับประกันตัวเครื่อง 10 ปี | พัดลมไฟฟ้า 10 ปี | อุปกรณ์อื่นๆ 5 ปี ส่วนรุ่น CRS เป็นรุ่นราคาย่อมเยาว์์ลงมา พร้อมระบบการกรองและฆ่าเชื้อโรค 5 ขั้นตอน มีไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูง 1 ชั้น และไส้กรอง HEPA Filter ที่สามารถกรองฝุ่นได้เล็กสุด 0.3 um รับประกันตัวเครื่อง 10 ปี | พัดลมไฟฟ้า 5 ปี | อุปกรณ์อื่นๆ 5 ปี

เครื่องฟอกอากาศ ข้อดี ​: - กรองฝุ่น ทำความสะอาดภายในห้อง - ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก - มีราคาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น ข้อจำกัด : - ใช้อากาศเก่าในห้อง หมุนเวียนไปมา - ไม่ป้องกันฝุ่นจากภายนอก → ถ้าฝุ่นเล็ดรอดเข้ามา ก็ต้องคอยกรองเรื่อย ๆ - ไม่ช่วยเติมออกซิเจนใหม่ และระบายคาร์บอนไดออกไซด์ → ห้องอาจรู้สึกอับๆได้ถึงจะเปิดทั้งวัน เครื่องเติมอากาศ ข้อดี : - ได้อากาศใหม่ + สดชื่น เข้ามาตลอดเวลา - มีแรงดันบวก → ฝุ่น มลพิษ กลิ่น และเชื้อโรค ไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้ - ออกซิเจนเพียงพอ เหมือนเปิดหน้าต่างรับลม แต่ไม่มีฝุ่น ข้อจำกัด - ไส้กรองต้องได้คุณภาพจริงๆ ไม่งั้นจะนำฝุ่น กลิ่น และมลพิษจากภายนอกเข้ามาในบ้านได้ → อากาศในบ้านสกปรกขึ้น - ต้องติดตั้งเป็นระบบ คล้ายการติดตั้งแอร์ (เคลื่อนย้ายยาก) - ราคาสูงกว่าเครื่องฟอกทั่วไป แต่ใกล้เคียงกับเครื่องฟอกระดับพรีเมียม"

เหตุผลหลักๆคือ "ฝุ่นยังสามารถเล็ดรอดเข้ามาตลอดเวลา" เพราะบ้านเราไม่ได้ปิดสนิทเหมือนกล่องทึบ และทุกบ้านมีรอยรั่วเล็ก ๆ เช่น ช่องหน้าต่าง บานประตู ช่องแอร์ หรือรูอากาศ ฝุ่น PM2.5 จากภายนอกจึง “ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ” ซึ่งเครื่องฟอกอากาศทำได้แค่กรองอากาศที่เข้ามาแล้ว ถ้ามีฝุ่นใหม่เล็ดรอดเข้ามาเครื่องก็ต้องทำงานซ้ำไปเรื่อยๆ ดังนั้นห้องอาจไม่เคย “สะอาดสนิทจริงๆ” เพราะเหมือนมีรูรั่วตลอดเวลา ทางแก้ที่ยั่งยืนกว่า คือ ระบบอากาศแรงดันบวก (Positive Pressure) ที่ “เติมอากาศสะอาดใหม่” เข้ามา → ดันไม่ให้ฝุ่นเล็ดรอดเข้ามาแต่แรก

ปิดจุดรั่ว เช่น ใช้ยางหรือซีลกันฝุ่นปิดรอยรั่วเล็ก ๆตามขอบประตูและหน้าต่าง รอยต่อผนัง และช่องระบายอากาศ ใช้ระบบอากาศแรงดันบวก (Positive Pressure) เติม “อากาศสะอาดใหม่” เข้ามาอย่างต่อเนื่อง → ทำให้ฝุ่นและมลพิษ ไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้ตั้งแต่แรก ใช้เครื่องฟอกอากาศ (หากไม่สามารถติดตั้งระบบอากาศแรงดันบวกได้) งดการเปิดหน้าต่าง หรือเปิดประตูทิ้งไว้นานๆ ช่วงที่ PM2.5 สูง งดการเปิดเครื่องดูดควัน หรือพัดลมระบายอากาศไว้เป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้อากาศในบ้านเป็นแรงดันลบ ซึ่งทำให้ PM2.5 เข้าบ้านได้ ดูแลคความสะอาดภายในบ้าน เช่นถูบ้าน ดูดฝุ่น ซักผ้าม่าน พรม และเครื่องนอนสม่ำเสมอ บ้านและอาคารแบบไหนที่สามารถติดตั้งระบบอากาศสะอาดแรงดันบวกได้? >>> คลิ๊ก

เปิดหน้าต่างแบบไขว้ (Cross Ventilation) : เปิดหน้าต่างที่อยู่คนละด้านของบ้าน ให้ลมไหลเข้า-ออกได้เป็นเส้นตรง ใช้พัดลมช่วย : ถ้าวันไหนลมไม่แรง สามารถวางพัดลมในห้องเป่าไปทางหน้าต่าง เพื่อเร่งการถ่ายเท ติดตั้งช่องระบายอากาศ (Vent) ที่เพดานหรือบานเกล็ด : ช่วยระบายความร้อนสะสมใต้หลังคา ใช้ระบบเติมอากาศสะอาด / ระบบแรงดันบวก (Fresh Air / Positive Pressure) : ช่วยเติมอากาศสะอาดใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งการเปิดหน้าต่างและเสี่ยงกับ PM2.5

ปิดรอยรั่วทุกจุด เช่น ใช้ยางซีลขอบประตู ขอบหน้าต่าง และรอบต่อผนัง ใช้ระบบอากาศแรงดันบวก / เครื่องเติมอากาศสะอาด (Positive Pressure / Fresh Air Machine) ที่มีไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูงที่หนาเป็นพิเศษ ช่วยดูดซับกลิ่นควัน และมลพิษ งดการเปิดหน้าต่าง หรือเปิดประตูทิ้งไว้นานๆ งดการเปิดเครื่องดูดควัน หรือพัดลมระบายอากาศไว้เป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้อากาศในบ้านเป็นแรงดันลบ ซึ่งทำให้กลิ่นควันเข้าบ้านได้ หมายเหตุ ไส้กรอง Activated Carbon ทั่วไป เป็นเพียงไส้ชั้นบางๆ ไม่สามารถดูดซับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ควันรถดีเซล และสารระเหย ได้อย่างเพียงพอ ต้องใช้ไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูงที่หนาเป็นพิเศษ เท่านั้น

หากบ้านหรือห้องนอนของคุณมีกลิ่นอับ ทั้งที่ก็ทำความสะอาดแล้ว สาเหตุหลักคือ "อากาศไม่หมุนเวียน + ความชื้นสะสม" วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการทำให้อากาศถ่ายเท ควบคู่กับกาารคุมความชื้น วิธีแก้ไข : ระบายอากาศเก่าออก - เติมอากาศใหม่เข้ามา เช่น เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท (ถ้าสภาพอากาศภายนอกดี) หรือ ถ้าอยู่ในเมืองหรือช่วง PM2.5 แรง ใช้เครื่องเติมอากาศสะอาด (Fresh Air Machine) ลดคความชื้นในห้อง โดยเปิดเครื่องดูดความชื้น (Dehumidifier) หรือใช้แอร์ที่มีฟังก์ชัน Dry Mode หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรม และสิ่งของที่ก่อให้เกิดคความชื้นในห้อง เช่น กาารตากผ้า หรือตู้ปลา ทำความสะอาดต้นตอ / แหล่งสะสมของกลิ่น เช่น ผ้าม่าน พรม ปลอดกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ หรือมุมอับต่างๆ อยู่เป็นประจำ ตัวช่วยในการดูดซับกลิ่น / ความชื้น เช่น การวางถ่านไว้ตามจุดต่างๆ วางเกลือหรือผลึกเกลือใส่ถ้วยไว้ที่มุมห้อง

คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สะสมในห้องนอนสูง มักมาควบคู่กับระดับอออกซิเจน (O2) ต่ำ เกิดจากการที่ผู้อาศัยในห้องหายใจเอาออกซิเจนเข้า และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกเวลานอน และไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมภายให้ห้อง อากาศธรรมชาติภายนอกบ้าน: CO₂ ประมาณ 400–500 ppm ห้องที่ปิดทึบตอนเช้า (มีคน 1–2 คน): CO₂ อาจพุ่งเกิน 1,000–2,000 ppm งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า ถ้าเกิน 1,000 ppm จะเริ่มมีผลต่อความตื่นตัว สมาธิ และคุณภาพการนอน สามารถแก้ไขด้วยการติดตั้งเครื่องเติมอากาศสะอาดในห้องนอน ซึ่งจะเติมอากาศใหม่จากข้างนอกที่มีออกซิเจนเข้ามา และลดระดับการสะสมของคาร์บอไดออกไซด์์ภายในห้องได้ ทำให้คุณภาพอากาศเหมาะสมกับการนอกมากขึ้น

เกี่ยวแน่นอน สาเหตุของอาการ "ตื่นมาแล้วง่วง ไม่สดชื่น ทั้งที่นอนมาเต็มที่แล้ว" เกิดจากการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในห้องที่สูงเกินไป ตอนที่เราหายใจเข้า–ออกระหว่างนอน คนในห้องจะค่อยๆ ปล่อย CO₂ ออกมา ยิ่งถ้าห้องปิดทึบ ไม่ค่อยมีการถ่ายเทอากาศ ค่า CO₂ จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และระดับออกซิเจน (O2) ลดลง ซึ่งเมื่อ O2 ต่ำ และ CO2 สูง CO₂ → สมองได้รับออกซิเจนน้อยลง → ตอนเช้าตื่นมาเลยรู้สึก มึน ง่วง เพลีย เหมือนนอนไม่พอ อากาศธรรมชาติภายนอกบ้าน: CO₂ ประมาณ 400–500 ppm ห้องที่ปิดทึบตอนเช้า (มีคน 1–2 คน): CO₂ อาจพุ่งเกิน 1,000–2,000 ppm งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า ถ้าเกิน 1,000 ppm จะเริ่มมีผลต่อความตื่นตัว สมาธิ และคุณภาพการนอน วิธีลดค่า CO2 ภายในห้อง >>> คลิ๊ก

กลิ่นสี, กลิ่นเฟอร์นิเจอร์ใหม่, กลิ่นกาว, กลิ่นฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ล้วนเกิดจาก สารระเหย (VOC – Volatile Organic Compounds) ที่ฟุ้งกระจายออกมาจากวัสดุ ถ้าได้รับนาน ๆ อาจทำให้แสบตา แสบจมูก ปวดหัว หรืออันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว วิธีลด VOC ในห้อง: ระบายในห้องให้ได้มากที่สุด เพื่อให้อากาศใหม่เข้ามาแทนที่และระบาย VOC ออกไป เช่น เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท (ถ้าสภาพอากาศภายนอกดี) หรือ ถ้าอยู่ในเมืองหรือช่วง PM2.5 แรง ใช้เครื่องเติมอากาศสะอาด (Fresh Air Machine) เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ประกอบเสร็จแล้ว และ VOC ต่างๆได้ระเหยออกไปหมดแล้ว ให้เวลาช่วยเยียวยา เพราะ VOCs ส่วนหนึ่งจะระเหยออกเรื่อยๆ ตามเวลา ถ้าเป็นไปได้ควรปล่อยห้องไว้ 1–2 เดือนหลังทาสี / ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทิ้งไว้จน VOCs ละเหยออกไปหมด ก่อนเข้าอยู่จริง

สาเหตุที่คอนโดมีกลิ่นบุหรี่ กลิ่นทำอาหารจากห้องข้างๆเข้ามา เพราะคอนโดส่วนใหญ่มีช่องทางเล็ก ๆ ที่เชื่อมถึงกัน เช่น ช่องระบายอากาศ, รอยต่อกำแพง, ท่อแอร์, หรือแม้กระทั่งรอยรั่วรอบประตูหน้าต่าง ซึ่งเป็นจุดให้กลิ่นเล็ดรอดเข้ามา วิธีแก้ปัญหาไม่ให้กลิ่นเข้า: ปิดรอยรั่วทุกจุด เช่น ใช้ยางซีลขอบประตู ขอบหน้าต่าง และรอบต่อผนัง ใช้ระบบอากาศแรงดันบวก / เครื่องเติมอากาศสะอาด (Positive Pressure / Fresh Air Machine) ที่มีไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูงที่หนาเป็นพิเศษ ช่วยดูดซับกลิ่นควัน และมลพิษ งดการเปิดหน้าต่าง หรือเปิดประตูทิ้งไว้นานๆ งดการเปิดเครื่องดูดควัน หรือพัดลมระบายอากาศไว้เป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้อากาศในบ้านเป็นแรงดันลบ ซึ่งทำให้กลิ่นควันเข้าบ้านได้ หมายเหตุ การใช้เครื่องเติมอากาศจะต้องมั่นใจจริงๆว่า อากาศที่ถูกดูดเข้ามาจะต้องไม่นำกลิ่น และควันเหล่านั้นเข้ามาด้วย ไม่เช่นนั้นจะยิ่งทำให้กลิ่นในห้องแรงขึ้น เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้เครื่องที่มาพร้อมไส้กรอง Activated Carbon คุณภาพสูงที่หนาเป็นพิเศษในการดูดซับกลิ่น ก่อนเติมเข้ามาในห้อง

“กลุ่มเปราะบาง” อย่าง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิแพ้ มีระบบทางเดินหายใจที่ไวต่อมลพิษกว่าคนทั่วไป ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศจึงต้อง พิถีพิถันเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยในนระยะยาว และความสะอาดที่เทียบเคียงได้กับห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล ควรใช้เครื่องเติมอากาศที่สามารถสร้างสภาวะ "แรงดันบวก" ได้ และมีไส้กรองอากาศ ULPA Filter ที่สามารถดักจับอนุภาคได้เล็กถึง 0.1 um และไส้กรอง Activated Carbon แแบบหนาพิเศษเพื่อดูดซับมลพิษ สารระเหยที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ได้อย่างหมดจด

1. สำรวจพื้นที่ติดตั้ง ตำแหน่งติดตั้งเครื่อง (หากเป็นไปได้ควรหลบแดดและฝน และอยูุ่ที่ระเบียงที่ออกไปเซอร์วิสได้ง่ายและปลอดภัย) ตำแหน่งหัวจ่ายลมสะอาด (บนฝ้าหรือนผนัง / ควรอยู่ลึกเข้าไปในห้องเพื่อช่วยไล่ดันอากาศเก่าออกมา) ตรวจสอบว่าสามารถเดินท่อได้หรือไม่ (หากเดินท่อบนฝ้า ตควรมีพื้นที่บนฝ้าในการทำงานอย่างน้อย 20-25 ซม.) วัดระยะจากเครื่อง ไปที่จุดจ่ายลม มีแหล่งไฟใกล้เคียงกับจุดติดตั้ง 2. ตรวจสอบสภาพบ้าน ปิดรูรั่ว และติดซีลกันฝุ่นถ้าจำเป็น เช่น รอบประตู/หน้าต่าง หรือช่องแอร์ ช่องบนฝ้า ถ้าเป็นบ้านใหม่ ยังไม่ได้สร้าง ควรใช้ประตูหน้าต่างเป็นแบบ UPVC และมีซีลยางป้องกันอากาศรั่ว 3. เลือกขนาดเครื่องให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง ดูจากขนาดห้อง (ตารางเมตร) = กว้าง x ยาว และเทียบกับตารางสเป็คเครื่อง คำนวณปริมาณการเติมอากาศขั้นต่ำในอาคารที่อยู่อาศัย (ตามหลัก ASHRAE 2025) เลือกเครื่องที่มี ULPA + Activated Carbon ถ้าอยู่ในเมืองหรือแหล่งมลพิษ หรือสมาชิคในบ้านอยู่ในกลุ่มเปราะบาง 4. วางแผนทิศทางลม อากาศสะอาดควรไหล จากห้องสะอาด → ไปห้องที่สกปรกกว่า เช่น จากห้องนอน → ออกห้องน้ำ / โถงทางเดิน เพื่อประโยชน์สูงสุดจากระบบแรงดันบวก

แตกต่างกันที่ประสิทธิภาพการกรอง HEPA Filte ประสิทธิภาพการกรอง >= 99.97% ที่ 0.3 um อนุคาคที่กรองได้ PM2.5, ฝุ่น, เกสร, เชื้อรา, แบคทีเรียบางชนิด ULPA Filter ประสิทธิภาพการกรอง >= 99.99% ที่ 0.1 um อนุคาคที่กรองได้ PM2.5, ฝุ่น, เกสร, เชื้อรา, แบคทีเรีย, ไวรัส, สารก่อภูมิแพ้ระดับจิ๋ว หากเป็นบ้านที่มีกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิแพ้ หอบหืด หรืออยู่ใกล้แหล่งมลพิษ (ถนนใหญ่, โรงงาน, ฝุ่น PM2.5 หนักๆ) ควรใช้ไส้กรอง ULPA เพื่อประสิทธิภาพในการกรองระดับสูงสุด และอากาศสะอาดที่ปลอดภัยและไว้ใจได้

เครื่องของเรากินไฟเพียง 60 วัตต์ ค่าไฟไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน / ต่อเครื่อง

เครื่องของเราต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกปีเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงาน และยืดอายุการใช้งาานของมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ละชั้นกรองอายุการใช้งานไม่เท่ากัน : 1-2 ปี หลอดไฟ UV-C อายุการใช้งาน 1 ปี หรือเมื่อหลอดขาด (สามารถเปิด-ปิดการใช้งานต่างหากได้) ค่าเปลี่ยนไส้กรองตามตาารางข้างล่าง และมีค่าบริการ 500 บาทต่อครั้ง (หากเปลี่ย 2-3 เครื่องพร้อมกัน = คิดเป็น 1 ครั้ง)

เครื่องของเราเสียงไม่ดัง โดยอยู่ที่ประมาณ 50 dB ซึ่งเบากว่าแอร์บ้านทั่วไป และไม่ก่อให้เกิดการรำคาญ

เครื่องของเราสามารถติดตั้งที่คอนโดได้ และต้องตรวจสอบข้อมูลดังนี้: เนื่องจากการติดตั้งจะต้องมาการเจาะคอริ่ง 4 นิ้วเพื่อเดินท่อลม จึงต้องขออนุญาตนิติบุคคลเพื่อตรวจสอบว่าสามารถเจาะได้หรือไม่ / ผลกระทบต่อโครงสร้างและการประกัน ต้องเป็นห้องที่มีระเบียง พร้อมราวกั้น ที่สามารถออกไปเซอร์วิส เปลี่ยนไส้กรองได้ อย่างปลอดภัย ที่ระเบียงต้องมีพื้นที่เพียงพอในการติดตั้งเครื่อง (ดูขนาดของเครื่องได้จากที่นี่ >>> คลิ๊ก)

คำนวณพื้นที่ของห้อง (ตารางเมตร) = กว้าง x ยาว นำขนาดพื้นที่ไปเทียบกับตารางสเป็คเครื่องแต่ละรุ่น คำนวณปริมาณการเติมอากาศขั้นต่ำในอาคารที่อยู่อาศัย (ตามหลัก ASHRAE 2025) เครื่องบางรุ่นสามารถต่อพ่วงไปยังหลายห้องได้ หากอยู่ใกล้กัน และขนาดพื้นที่โดยรวมไม่ใหญ่กว่าสเป็ค